วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา


ประวัติโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา


โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา (อังกฤษAssumption College Sriracha; อักษรย่อ: อสช, ACS) ก่อตั้งโดย ภราดาเทโอฟาน (ชิน บุณยานันทน์) วันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1944 (พ.ศ. 2487) และเป็นอันดับที่ 5 ใน 14 สถาบันของคณะภราดาเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย ปัจจุบันเปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนชายล้วน (ปัจจุบันในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและปลายเปิดสอนในระบบสหศึกษา) รับทั้งนักเรียนประจำ และ ไป-กลับ ปัจจุบันทำการสอนตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.00 น. โดยมี ภราดา ดร.ชำนาญ เหล่ารักผล เป็นผู้ลงนามแทนผู้รับใบอนุญาต ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการและ ภราดาเลอชัย ลวสุต เป็นครูใหญ่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และมีภราดาจรัญ ศรีหล้า ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการ ภราดามานิต สกนธวัฒน์ ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ ภราดากุลชาติ จันทโชโต และ ภราดาวิทยา เทพกอม ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการ มาปัจจุบันมีนักเรียนจากเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศมาเรียน ซึ่งปัจจุบันมีนักเรียนประมาณ 5000 คนเป็นนักเรียนจากทั้งหมด 77 จังหวัดในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

ในช่วงปี พ.ศ. 2484 - 2487 ประเทศไทยตกอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่สอง สถานที่ต่าง ๆ ในพระนครซึ่งรวมทั้งโรงเรียนอัสสัมชัญ ได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดอย่างหนัก กระทรวงศึกษาธิการจึงสั่งให้ปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนในกรุงเทพมหานครทั้งหมด ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2485คณะภราดาได้มอบหมายให้ภราดาเทโอฟาน ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นอธิการโรงเรียนเซนต์คาเบรียลอยู่ในขณะนั้น ให้อพยพนักเรียนประจำและนักเรียนที่อยู่ในความอุปการะของโรงเรียนจำนวนหนึ่งเดินทางมาเปิดทำการเรียนการสอนชั่วคราวที่ศรีราชา ซึ่งคณะภราราดาได้ซื้อที่ดินไว้เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว คณะภราดา ครูและนักเรียนรุ่นแรก ต่างช่วยกันแผ้วถางพื้นที่ป่าให้เป็นโรงเรียน เปลี่ยนไร่ตะไคร้เป็นไร่สับปะรดจนกลายเป็นไร่สับปะรด เอ ซี ที่มีชื่อเสียงเป็นอันมาก แล้วนำผลผลิตออกจำหน่ายนำรายได้มาจุนเจือพัฒนาโรงเรียน และเลี้ยงดูแลนักเรียนในระหว่างสงคราม ซึ่งอัตคัดขัดสนไปทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องอาหารการกิน ภราดา ครู และนักเรียนรุ่นแรกต้องเรียนและทำไร่ไปด้วยจึงเรียนกันว่า เป็นรุ่นบุกเบิก
ปลายปี พ.ศ. 2486 สงครามโลกสิ้นสุดลง โรงเรียนอัสสัมชัญเปิดทำการสอนตามเดิม แต่อาคารนอนของนักเรียนประจำถูกทำลายได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก จึงไม่สามารถย้ายเด็กกำพร้าและนักเรียนประจำจากศรีราชากลับไปได้ จำเป็นต้องเรียนที่ศรีราชาต่อไป ประกอบกับเยาวชนในท้องถิ่นสมัครเข้าเรียนจำนวนมากขึ้น คณะภราดาจึงตัดสินใจเปิดทำการสอนอย่างจริงจัง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2487 โดยมีภราดาเทโอฟาน (ชิน บุณยานันทน์) เป็นอธิการผู้ก่อตั้ง และได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการ ให้จัดตั้งโรงเรียนได้ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2491 และได้รับรองวิทยฐานะเทียบเท่าโรงเรียนรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2493
จากชื่อ “โรงเรียนกลางป่า” ในเบื้องแรกกลับกลายมาเป็นอุทยานการศึกษาที่กว้างใหญ่งดงาม ร่มรื่น ตระการตา ในเนื้อที่กว่า 550 ไร่ เพียบพร้อมด้วยโสตทัศนูปกรณ์อันทันสมัย เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนให้ทันต่อความก้าวหน้าของโลกยุคปัจจุบัน เป็นแหล่งขุมทรัพย์ทางปัญญาที่ผลิตเยาวชนรุ่นแล้วรุ่นเล่าให้กลายมาเป็น ทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่ายิ่งต่อสังคมไทยทุกวงการ และยังเป็นโรงเรียนที่ผลิตนักเตะ นักกีฬาชั้นเยี่ยมประดับวงการกีฬาแห่งประเทศไทย และนักฟุตบอลระดับทีมชาติอีกด้วย

ความหมายของตราคณะภราดาเครือเซนต์คาเบรียล

A.M. และ ช่อดอกซ่อนกลิ่นสีขาว A.M. มาจากคำละตินว่า "Ave Marie" หมายถึง "วันทา มารี" พระนางมารีย์พรหมจารีมารดาของพระเยซูคริสต์ หรืออีกนัยหนึ่ง A.M. หมายถึง "Alma Mater" หมายถึง "โรงเรียนแม่" — ส่วนดอกซ่อนกลิ่น แสดงถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ที่นักเรียนทุกคนต้องพยายามทำตนให้เป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา และ ใจ อยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม — ในส่วนนี้จึงมีความหมายรวมว่า โรงเรียนเปรียบเสมือนบ้านเกิดที่ทุกคนเป็นสมาชิกในครอบครัว มีพระนางมารีอาเป็นที่รักเคารพและบูชาร่วมกันไม่แยกแยะว่าใครมีหรือจน ความรักและความสุขที่มีต่อครอบครัว ต่อแม่ที่มีร่วมกันเป็นความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา และใจเสมอ ละรักใคร้สามัคคี ไม่ว่าอยู่ ณ ที่แห่งใด              รูปเรือใบ และ ดาวเหนือเรือ ปรียบได้กับ "นาวาชีวิต" ที่จะต้องต่อสู้คลื่นลมและแสงแดดไปจนถึงฝั่ง เป็นคติให้ได้คิดเสมอว่า "ชีวิตคือการต่อสู้" มีดวงดาวอยู่ในท้องฟ้าเหนือเรือที่กำลังสู้คลื่นลม หมายถึงแสดงแห่งความหวัง ได้แก่ แสงธรรมแห่งศาสนา กับแสดงแห่งปัญญา จากสรรพวิทยาการที่ได้รับจากโรงเรียนรวมกันเป็นดวง ประทีป ส่องนำชีวิต (คือคนที่อยู่ในเรือ) ไปสู่จุดหมายปลายทางได้ด้วยคุณธรรม และปัญญา
อักษร DS และไม้กางเขน ย่อจากภาษาฝรั่งเศส "Dieu Seul" หมายความว่า จะทำงานทุกอย่างเพื่อเป็นสิริมงคลแก่พระเจ้า เป็นคติพจน์ของนักบุญหลุยส์ เดอ มงฟอร์ ผู้สถาปนาคณะภราดาเซนต์คาเบรียล — โดยอีกนัยหนึ่ง D หรือ Divinity หมายถึงศาสนา ซึ่งเราทุกคนต้องมีศาสนาเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ, เครื่องหมายไม้กางเขน เป็นเครื่องหมายแห่งความรัก และความเสียสละ ดังที่พระคริสต์ได้ทรงสละชีวิตของพระองค์ด้วยความรัก ที่จะช่วยไถ่บาปให้แก่มวลมนุษย์, S หรือ Science หมายถึงวิทยาการ ความรู้ที่ทำให้เรามีเหตุผล เราทุกคนควรจะมุ่งหาความรู้อยู่เสมอ ยิ่งเรามีความรู้ฝ่ายโลกมากขึ้นเท่าได เราก็ยิ่งควรสนใจหาความรู้ฝ่ายธรรมให้มากขึ้นเท่านั้น
สำหรับพวงดอกไม้ที่ประดับโล่ เป็นมาลัยเกียรติยศที่จะเตือนใจทุกคนให้กระทำความดีให้เชิดชู และจรรโลงไว้ซึ่งเกียรติยศ ชื่อเสียงของสถาบันมิให้เสื่อมสูญสลายไป

สถานที่สำคัญ

โบสถ์เดอโรซาลิโอ เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นในสมัยภราดามงฟอร์ต ซึ่งตัวโบสถ์นั้นมีความเป็นสถาปัตยกรรมแบบอิตาลี เป็นรูปพัดคลี่ ซึ่งโบสถ์นี้มีสิ่งประหลาดอย่างหนึ่งคือ ไม่มีเสาให้ดูระเกะระกะ และภายในบริเวณไม้กางเขนนั้นแกะสลักจากไม้ซุงท่อนเดียว
ตึกวัชรสมโภช สร้างขึ้นในสมัย ภราดาหลุยส์ ชาแนล มี 2 ชั้น ชั้นบนเป็นหอประชุมที่ชื่อว่าหลุยส์ ชาแนล เป็นหอประชุมขนาดใหญ่สุดในโรงเรียน ความจุที่รับได้ 1,000 คน มีเก้าอี้พร้อม และบริเวณข้างหอประชุมมีห้องศูนย์คอมพิวเตอร์และห้องวารสารอยู่ด้วย ชั้นล่างก็เป็นห้องสมุดกลางของโรงเรียน มีห้องฝ่ายวิชาการ ห้องโสตทัศนูปกรณ์ ห้องฝ่ายนักเรียนประจำ ห้องฝ่ายปกครองกลาง และห้องประชุมขนาดเล็กในตึกนี้อีกด้วย
ตึกอำนวยการ เป็นตึกที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดที่สุดในโรงเรียน ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่แปลกตาอีกอย่างหนึ่งในโรงเรียน เรียกกันว่า ตึกผอม มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้น 1 จะเป็นห้องประชาสัมพันธ์ ห้องธุรการ ห้องการเงิน และ ห้องไปรษณีย์วัสดุ ชั้น 2-3 เป็นสำนักผู้อำนวยการ
อาคารโอเซ่ Ose Memorial Building เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในโรงเรียน แต่ตอนนี้สร้างขึ้นใหม่แล้ว อาคารมีทั้งหมด 2 ชั้น ชั้น 1 เป็นห้องฝึกซ้อมดนตรีและห้องซ้อมของวงโยธวาธิต ห้องอาหาร ห้องอินเทอร์เน็ต IMAC ชั้น 2 เป็นห้องโฮมเธียเตอร์ และห้องประชุม
ยุวลัยเซนต์หลุยส์ แมรี่ เป็นสถานที่พักของคณะนักเรียน และนักบวชในคณะภราดาเซนต์คาเบรียล และใช้เป็นสถานที่ฝังศพของคณะภราดาที่ล่วงลับไปแล้ว
ตึกอัสสัมชัญ เป็นตึกนักเรียนประจำ ม.ปลาย
ตึกนฤมล เป็นตึกนักเรียนประจำ ม.ต้น
ตึกเคลเม้นต์ เป็นตึกนักเรียนประจำ ม.ต้น
ตึกมงฟอร์ต เป็นตึกเรียนประถม MLP
ตึกเซนต์หลุยส์ เป็นตึกเรียนม.ต้น มีห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ Macintoch
ตึกเซนต์คาเบรียล เป็นตึกเรียนม.ต้น MLP มีห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ห้องดนตรีไทย ห้องนาฏศิลป์
ตึกอุดมประเสริฐ เป็นตึก 1 ชั้น ภายในเป็นที่ทำการฝ่ายกิจกรรม
ตึกเทโอฟาน เป็นตึกเรียนนักเรียนชั้น ม.ปลาย มีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นล่างเป็นห้องเรียน 6 ห้อง ห้องสมุด และห้องแนะแนว ชั้น 2 เป็นห้องพักครู ห้องคอมพิวเตอร์ (IMAC) ห้องประชุม ห้องนาฏศิลป์ ห้องนำเสนอผลงาน และห้องเรียนชั้น ม.4 ชั้น 3 เป็นห้องเรียนชั้น ม.5 ชั้นสุดท้าย ชั้น 4 เป็นห้องเรียนชั้น ม.6 และมีห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโรงเรียนในเมืองไทย
ตึกสุวรรณสมโภช เป็นโรงยิมหรือโรงพลศึกษามีทั้งหมด 2 ชั้นครึ่ง ชั้น 1 เป็นสนามแบดมินตัน สนามปิงปอง ห้องทูบีนัมเบอร์วัน ห้องเก็บพัสดุ ชั้น 1 ครึ่งเป็น ห้องซ้อมดนตรีไทย ห้องดนตรีสากล ห้องศิลปะ ชั้น 2 เป็นสนามบาสเกตบอลขนาดมาตรฐานโอลิมปิคพร้อมอัฒจันทร์ จุผู้ชมได้ถึง 1,200 คน
ตึกเซนต์ เมรี่ เป็นตึกเรียนชั้น ม.ต้น มีห้องคอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์
ตึกโดนาเซียง เป็นตึกเรียนชั้นประถม มีห้องโสตทัศนูปกรณ์ ห้องดนตรี ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ห้องคอมพิวเตอร์
บ้านเซนต์ ปีเตอร์ เป็นบ้านพักนักกีฬาช้างเผือก หรือว่านักกีฬาฉลามชลจูเนียร์ Conburi FC.
สนามอุดมประเสริฐ เป็นสนามหญ้าอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ใช้เป็นสถานที่จัดงานพิธีการต่างๆ และเป็นสนามฝึกซ้อมของนักเรียนฉลามชลจูเนียร์ หน้าสนามมีตึกอยู่หลังหนึ่งชื่อ ตึกอุดมประเสริฐ ซึ่งบริษัทที่ก่อสร้างตึกนฤมล เซนต์หลุยส์ เซนต์คาร์เบรียล มงฟอร์ต อัสสัมชัญ สร้างแถมให้ ตึกนี้ชั้นล่างเป็นห้องฝ่ายกิจกรรม ชั้นบนจะใช้ในงานพิธีถวายพระพร หรือ งานอันเกี่ยวเนื่องกับพระบรมวงศานุวงศ์ 






อ่างเก็บน้ำหลุยส์ มารี






ตึกเทโอฟาน








  

หน้าตึกอำนวยการ(ตึกผอม)
โบสถ์ 50 ปีเดอโรซาลิโอ